ญี่ปุ่นวิกฤต ทารกเกิดใหม่ในปี 2023 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ลดต่อเนื่องปีที่ 8
ญี่ปุ่นกับวิกฤตประชากร เมื่อทารกเกิดใหม่ต่ำสุดในประวัติการณ์
ในปี 2023, ประเทศญี่ปุ่นพบกับวิกฤตประชากรที่ท้าทายไม่น้อย เมื่อตัวเลขของทารกที่เกิดใหม่ลดลงสู่จุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นการต่อเนื่องกันมายาวนานถึง 8 ปี สื่อต่างประเทศอย่าง Reuters ได้นำเสนอข้อมูลนี้พร้อมกับการเปิดเผยจากรัฐบาลญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) ว่าตัวเลขการเกิดใหม่มีจำนวนเพียง 758,631 คน ลดลง 5.1% จากปีก่อน และจำนวนการแต่งงานก็ลดลง 5.9% เหลือ 489,281 คู่ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 90 ปีที่ตัวเลขดิ่งลงต่ำกว่า 500,000 คู่
สถานการณ์นี้ได้ส่งสัญญาณเตือนถึงปัญหาการลดลงของประชากรและความยากลำบากในการคลอดบุตรที่ประเทศนี้กำลังเผชิญ ในการตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ โฆษกระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศว่าจะมี “ขั้นตอนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” เพื่อรับมือกับอัตราการเกิดที่ลดลง โดยมีการพูดถึงการขยายการดูแลเด็กและการส่งเสริมการขึ้นค่าจ้างสำหรับคนงานอายุน้อย
หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โยชิมาสะ ฮายาชิ ได้เน้นย้ำถึงความวิกฤตของสถานการณ์โดยกล่าวว่า “ในอีก 6 ปีข้างหน้า เมื่อปริมาณคนหนุ่มสาวลดลงอย่างรวดเร็ว จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะพลิกวิกฤตครั้งนี้” ขณะที่นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ได้กล่าวถึงผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งความตึงเครียดทางการเงินสาธารณะ ว่าเป็น “วิกฤตร้ายแรงที่สุดที่ประเทศของเรากำลังเผชิญอยู่”
สถาบันวิจัยประชากรและประกันสังคมแห่งชาติ ยังได้ประมาณการตัวเลขประชากรของญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มลดลงประมาณ 30% เหลือ 87 ล้านคนภายในปี 2513 โดย 4 ใน 10 คนจะมีอายุ 65 ปีขึ้นไป
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการเตือนภัยถึงสภาวะประชากรที่เปลี่ยนไปของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้มองหาวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ตั้งแต่นโยบายการเพิ่มประชากรไปจนถึงการปรับปรุงคุณภาพชีวิต ญี่ปุ่นยังคงเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในการศึกษาว่าประเทศต่างๆ สามารถรับมือกับความท้าทายด้านประชากรได้อย่างไร และค้นหาเส้นทางใหม่ๆ ในการเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน
แนวทางแก้ไข จากวิกฤตสู่โอกาส
การตอบสนองต่อวิกฤตประชากรของญี่ปุ่นไม่ได้จำกัดอยู่แค่การดำเนินมาตรการฉุกเฉินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการทำงาน, ครอบครัว, และสังคมโดยรวม เพื่อสร้างแรงจูงใจใหม่ๆ สำหรับการมีบุตร และสนับสนุนความสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว นี่คือบางส่วนของแนวทางที่อาจนำพาญี่ปุ่นออกจากวิกฤตนี้
- ส่งเสริมนโยบายสวัสดิการสำหรับครอบครัว เช่น การเพิ่มเงินอุดหนุนการเลี้ยงดูบุตร การสนับสนุนค่าใช้จ่ายการศึกษา และการขยายบริการดูแลเด็กเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาที่ครอบครัวต้องใช้ในการดูแลบุตร
- กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการขึ้นค่าจ้าง การส่งเสริมการขึ้นค่าจ้างโดยเฉพาะสำหรับคนงานอายุน้อยเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างครอบครัวและรักษาคุณภาพชีวิตที่ดี
- ปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่ทำงาน ส่งเสริมการทำงานแบบยืดหยุ่น, ลดชั่วโมงการทำงานลง และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีบุตร เพื่อให้ผู้คนสามารถหาความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวได้
- ส่งเสริมการศึกษาและการรณรงค์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนครอบครัวและเสริมสร้างค่านิยมที่เอื้อต่อการมีบุตร รวมถึงการรณรงค์เพื่อลดอคติทางเพศและเพิ่มโอกาสในการทำงานสำหรับผู้หญิงหลังจากการมีบุตร
- นวัตกรรมและเทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยีในการสนับสนุนการดูแลเด็กและครอบครัว เช่น การพัฒนาแอพพลิเคชันสำหรับการดูแลเด็กหรือการให้คำปรึกษาทางออนไลน์เกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูก
การเดินหน้าด้วยแนวทางเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ไขวิกฤตประชากรในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างรากฐานสำหรับสังคมที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ด้วยความพยายามร่วมกัน ญี่ปุ่นอาจเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับโลกในการหลุดพ้นจากวิกฤตประชากรและก้าวเข้าสู่อนาคตที่สดใสกว่า